ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดถือเป็นวิธีที่ผู้หญิงจำนวนมากเลือกใช้ เพราะสะดวกและมีประสิทธิภาพสูง แต่คำถามที่พบบ่อยคือ “กินยาคุมกี่วัน ถึงปล่อยในได้” เนื่องจากหลายคนไม่แน่ใจว่ายาคุมจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่เมื่อไร การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้และพฤติกรรมที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ กินยาคุมกี่วัน ถึงปล่อยในได้? 1. กรณีเริ่มแผงแรกในวันแรกของประจำเดือน หากเริ่มกินเม็ดแรกทันทีที่ประจำเดือนมา ยาจะสามารถคุมกำเนิดได้ทันที ดังนั้นสามารถมีเพศสัมพันธ์และปล่อยในได้เลยตั้งแต่วันแรกโดยไม่ต้องใช้การป้องกันอื่น 2. กรณีเริ่มแผงแรกในวันอื่นที่ไม่ใช่วันแรกของประจำเดือน จำเป็นต้องกินต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ ในช่วง 7 วันนี้ควรใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีคุมกำเนิดเสริมไปด้วย 3. กรณีกินยาคุมแบบต่อเนื่องทุกวัน (21 หรือ 28 เม็ด) หากกินถูกต้อง ไม่ลืม และตรงเวลา ยาจะสามารถป้องกันได้ตลอดทั้งรอบเดือน แม้ในช่วงเว้นเม็ดยาหรือช่วงกินเม็ดแป้ง (สำหรับแบบ 28 เม็ด) ก็ยังมีประสิทธิภาพอยู่ พฤติกรรมในการใช้ยาคุมที่ควรรู้ แม้ว่ายาคุมจะมีประสิทธิภาพสูง แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ พฤติกรรมที่ควรใส่ใจมีดังนี้: การทานยาคุมควรทานให้ตรงเวลาในทุก ๆ วัน หากลืมทานหรือทานช้าเกิน 12 ชั่วโมง ประสิทธิภาพในการป้องกันอาจลดลง ผู้ใช้หลายคนคิดว่าหยุดยาสัก 1–2 วันจะไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แล้วอาจทำให้ไข่ตกและเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ […]

อาการปวดเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือปวดหลัง ยาแก้ปวดจึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่หลายคนเลือกใช้เพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ หนึ่งในยาที่ได้รับความนิยมคือ ยา Norgesic ซึ่งมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการกินยาแก้ปวดมากเกินไป หรือใช้ยาโดยไม่ระมัดระวัง อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ ทำไมต้องระวังการกินยาแก้ปวดมากเกินไป ยาแก้ปวด เช่น ยา Norgesic มักมีส่วนประกอบของยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอล (Paracetamol) ซึ่งถ้าใช้ตามคำแนะนำจะช่วยบรรเทาอาการปวดและทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้ดี แต่หากใช้ยาเกินขนาดหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น อาการผิดปกติจากการกินยาแก้ปวดเกินขนาด เมื่อร่างกายได้รับยาแก้ปวดมากเกินไป อาจเกิดอาการที่บ่งชี้ถึงความเป็นอันตราย เช่น คำแนะนำการใช้ยาแก้ปวดและยา Norgesic อย่างปลอดภัย 1. ใช้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลากหรือที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด 2. ไม่เพิ่มขนาดยาหรือความถี่การใช้ยาเอง โดยไม่ได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ 3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดหลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะชนิดที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล เพื่อป้องกันการได้รับยาเกินขนาด 4. หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยา 5. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยา เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่อตับ 6. หากเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงผิดปกติ ให้หยุดใช้ยาและรีบพบแพทย์ทันที เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ สรุป […]

ในยุคที่การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น ปัญหาสุขภาพที่ตามมาก็คือ “ออฟฟิศซินโดรม” (Office Syndrome) ซึ่งกลายเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งทำงานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล ออฟฟิศซินโดรมอาจพัฒนาเป็นอาการเรื้อรังหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ ดังนั้น การรู้จักวิธีป้องกันและดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร? ออฟฟิศซินโดรม คือกลุ่มอาการที่เกิดจากการใช้ร่างกายอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่ขยับตัว หรือการวางมือบนเมาส์-คีย์บอร์ดในท่าที่ผิด อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรม 1. จัดท่านั่งให้ถูกหลัก 2. ขยับตัวทุก ๆ 30-60 นาที 3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ โยคะ พิลาทิส หรือเวทเทรนนิ่งเบา ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและลดโอกาสเกิดออฟฟิศซินโดรม 4. ปรับพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ 5. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด การนอนหลับอย่างเพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) และการจัดการความเครียดด้วยกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำสมาธิ จะช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อได้ สรุป […]

การเลือกใช้ยาแก้ปวดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของเรา โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีการแพทย์ทำให้เราสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากเภสัชกรของ Medcare ได้อย่างสะดวก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ไดโคลฟีแนค โซเดียม ซึ่งเป็นยาแก้ปวดอักเสบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไดโคลฟีแนค โซเดียม คืออะไร? ออกฤทธิ์อย่างไร? ไดโคลฟีแนคโซเดียม เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ปวดและลดอาการอักเสบ ยานี้ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ COX (Cyclooxygenase) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างสารที่ทำให้เกิดอาการปวดและอักเสบในร่างกาย กลไกการทำงานของ ยาไดโคลฟีแนคโซเดียม จึงช่วยลดการสร้างโปรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบ ด้วยเหตุนี้ยานี้จึงมีประสิทธิภาพดีในการบรรเทาอาการปวดหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ ยาไดโคลฟีแนค โซเดียม ใช้รักษาอาการอะไรได้บ้าง? ยาไดโคลฟีแนคโซเดียม มีความหลากหลายในการใช้งาน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดและอักเสบในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาเรื้อรังและต้องการความสะดวกในการเข้าถึงยาผ่านบริการ Telepharmacy บรรเทาอาการปวดอักเสบจากโรคข้อ เช่น ข้อเสื่อม, ข้ออักเสบรูมาตอยด์ การใช้ไดโคลฟีแนคโซเดียม ในผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบรูมาตอยด์ให้ผลดีมาก เนื่องจากสามารถลดอาการปวดและความแข็งตึงของข้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง การปรึกษาเภสัชกรผ่านระบบออนไลน์จะช่วยให้ได้รับคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเหมาะสม ลดอาการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ ไดโคลฟีแนคโซเดียม มีประสิทธิภาพดีในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงาน การใช้ยานี้จะช่วยลดอาการบวมและปวดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ รักษาอาการปวดประจำเดือน สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาอาการปวดประจำเดือน […]